: การท่องเที่ยวกับการตั้งรับภัยพิบัติในประเทศไทย
การท่องเที่ยวมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์ทุกประเภท
ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในพื้นที่ใด ๆ มักทำให้การท่องเที่ยวซบเซา
เนื่องจากนักท่องเที่ยวขาดความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและสวัสดิภาพ
ภัยพิบัติส่งผลให้ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รีสอร์ต
บริการนำเที่ยว และผู้ประกอบธุรกิจในสถานที่ท่องเที่ยวขาดรายได้
ต้องเสียทั้งงบประมาณในการซ่อมแซมฟื้นฟู
และต้องใช้เวลาสร้างความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวให้กลับคืนมา
การสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวและสถานประกอบการเพื่อประเมินความเสี่ยงจากภัยพิบัติจึงเป็นสิ่งจำเป็นอันดับแรกเพื่อให้รู้ว่าหากเกิดภัยจะต้องดูแลป้องกันส่วนใดก่อนเป็นอันดับแรก
หรือมีส่วนใดที่ต้องดูแลรักษาไม่ให้เกิดความเสียหายโดยเด็ดขาด เช่น
สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมหรือสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเป็นมรดกโลก นอกจากนี้
การพิจารณามาตรการที่จำเป็นในการลดความเสี่ยง ทั้งการเตรียมพร้อม
ปรับตัวและรับมือของภาคการท่องเที่ยวเพื่อความปลอดภัยของกิจการ
และเพื่อให้นักท่องเที่ยวมั่นใจในศักยภาพของพื้นที่ก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
มาตรการเตรียมรับมือภัยพิบัติ
1. มาตรการป้องกันและลดผลกระทบ
1.1
มาตรการที่ใช้โครงสร้าง
1.1.1
ก่อสร้างโรงแรม รีสอร์ท สถานประกอบการให้มีโครงสร้างแข็งแรงได้มาตรฐาน
โดยเฉพาะหากตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิ
1.1.2
ใช้โครงสร้างป้องกันน้ำท่วมในสถานประกอบการ
สถานที่ท่องเที่ยวและโบราณสถานในพื้นที่น้ำท่วมถึง
1.2
มาตรการที่ไม่ใช้โครงสร้าง
1.2.1
หลีกเลี่ยงการเลือกทำเลที่ตั้งของกิจการในพื้นที่ล่อแหลม
โดยเฉพาะการบุกรุกก่อสร้างในพื้นที่ป่าสงวนและอุทยานแห่งชาติ
ซึ่งนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังทำลายระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติ
เป็นสาเหตุเพิ่มความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
และยังเสี่ยงในการได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติด้วย
1.2.2
จัดระบบและจัดทำแผนรักษาความปลอดภัยในสถานที่ท่องเที่ยวโดยมีผู้เชี่ยวชาญและมีทักษะดูแล
1.2.3
จัดระบบการทิ้งและกำจัดขยะ ของเสีย
น้ำเสีย จัดทำระบบบำบัดน้ำเสียและสิ่งปฏิกูลในสถานประกอบการที่ได้มาตรฐาน
เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค
2. มาตรการเตรียมความพร้อม
1.3
การปรับตัว
1.3.1
ส่งเสริมและสนับสนุนข้าราชการ ตำรวจท่องเที่ยว
มัคคุเทศก์ อาสาสมัคร พนักงานและบุคลากรด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ ฯลฯ
ให้สื่อสารภาษาต่างประเทศได้
เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้
1.3.2
จัดทำแผนที่บอกเส้นทาง
ปรับปรุงระบบป้ายสาธารณะให้ชัดเจน และติดตั้งในแหล่งชุมชน
1.4
การเตรียมรับมือกับภัยพิบัติ
1.4.1
กำหนดเส้นทางอพยพ
วิธีการอพยพและจุดปลอดภัย รวมถึงมีป้ายบอกเส้นทางที่ชัดเจน
เช่นเดียวกับเส้นทางหนีไฟในโรงแรม
1.4.2
ให้ความรู้แก่ผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวและพนักงานเรื่องความปลอดภัยและข้อปฏิบัติในการเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ
รวมทั้งแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบที่ชัดเจน
1.4.3
ซ้อมแผนอพยพหนีไฟ
และร่วมซ้อมแผนอพยพคลื่นสึนามิ (ในกรณีอยู่ในพื้นที่เสี่ยง)
ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่และชุมชน
1.4.4
จัดเตรียมอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย
และติดตั้งระบบดับเพลิงที่ได้มาตรฐาน มีการตรวจสอบให้สามารถใช้งานได้เมื่อเกิดภัย
1.4.5
เตรียมพร้อมด้านการช่วยเหลือพนักงานและนักท่องเที่ยวหากเกิดภัย
1.4.6
จัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม
และเครื่องใช้เพื่อการยังชีพเก็บไว้ในจุดปลอดภัย และตรวจสอบวันหมดอายุอยู่เสมอ
1.4.7
เตรียมพร้อมระบบสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
มีช่องทางรับส่งข้อมูลข่าวสารหลายช่องทางเพื่อการแจ้งเตือนภัย
และสามารถสื่อสารให้นักท่องเที่ยวรับทราบและเข้าใจได้ทันเวลาและทันท่วงที
ตลอดจนจัดเตรียมระบบสื่อสารสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉิน
1.4.8
จัดทำเอกสารแนะนำเรื่องความปลอดภัยไว้ในโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยว
เช่น แผ่นพับประชาสัมพันธ์ หรือสื่อวิดีทัศน์ หลากหลายภาษา
เพื่อให้ข้อมูลเรื่องภัยพิบัติ การปฏิบัติตัวเมื่อเกิดภัย เส้นทางอพยพ
พื้นที่ปลอดภัย
1.4.9
ทำประกันความเสียหายหากเกิดภัยต่าง ๆ
ที่มา:
Environment, 2016 ศูนย์สารสนเทศสิ่งแวดล้อม
กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม